วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่14

ให้นักศึกษาศึกษา Power point  แล้วตอบคำถาม
การจัดการเรียนการสอนที่ท้าทายโดยใช้เครื่องมือ Mind Mapping  สอนอย่างไร ? ดีอย่างไร? ยกตัวอย่างประกอบ  วิธีการสอนโดยใช้เครื่องมือหมวก 6ใบกับโครงงานแตกต่างกันอย่างไร?
วิธีการสอนโดยใช้เครื่องมือหมวก ๖ ใบ กับโครงงานแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ  การสอนแบบหมวก ๖ ใบนั้นมันจะคลอบคลุม พฤติกรรมทุกด้านที่สามารถนำไปปฎิบัติตามได้โดยมีรายละเอียดดังนี้
สรุปหมวกคิดสีขาว
 การคิดแบบหมวกสีขาวเป็นระเบียบวิธีและแนวทางในการเสนอข้อมูล นักคิดต้องพยายามเป็นกลางให้มากและไม่ควรมีอคติ  สีขาวชี้ให้เห็นถึงความเป็นกลาง  ข้อมูลครอบคลุมได้ตั้งแต่ข้อเท็จจริงและตัวเลขที่ตรวจสอบได้ ไปจนถึงข้อมูลที่ไม่แน่นอน เราจะใช้หมวกขาวตอนเริ่มต้นของกระบวนการคิด เพื่อเป็นความคิดที่กำลังจะเกิดขึ้น  และเราก็สามารถใช้หมวกสีขาวในตอนท้ายของกระบวนการได้เหมือนกัน เพื่อทำการประเมิน เช่น เสนอโครงการต่างๆของเราเหมาะสมกับข้อมูลที่มีอยู่หรือไม่ ส่วนที่สำคัญของหมวกสีขาวคือ การระบุถึงข้อมูลที่จำเป็นและขาดหายไปหมวกขาวจะบอกถึงปัญหาที่ควรจะยกขึ้นมาถามและแสดงวิธีการเพื่อให้ได้มาเพื่อข้อมูลทีจำเป็นและมุ่งไปสู่การเสาะหาและตีแผ่ข้อมูล
 สรุปหมวกคิดสีแดง
 การใช้หมวกสีแดงจะทำให้มีโอกาสเปิดเผยความรู้สึกอารมณ์สัญชาตญาณหยั่งรู้ออกมาโดยไม่ต้องมีคำอธิบายหรือหาเหตุผลใดๆ สัญชาตญาณอาจจะอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์ที่ผ่านมา เจตนารมณ์ของหมวกแดงคือ การแสดงความรู้สึกอย่างที่เป็นอยู่ออกมา ไม่ใช่การบีบบังคับให้ตัดสินใจ อารมณ์ทำให้ความคิดยุ่งเหยิง หมวกสีแดงเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการช่วยให้อารมณ์เหล่านั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล ยอมรับได้ สิ่งที่ยากที่สุดในการสวมหมวกสีแดงคือ การฝึกความรู้สึกที่ยากจะหาเหตุผลให้กับอารมณ์ที่แสดงออกมา ซึ่งการหาเหตุผลนั้นอาจถูกหรือผิดก็ได้
 สรุปหมวกคิดสีดำ
หมวกคิดสีดำ คือหมวกแห่งการระแวดระวังภัย ในการพิจารณาข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะหรือเรื่องอะไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็ต้องนึกถึงความเสี่ยง อันตราย อุปสรรค ข้อด้อยหรือปัญหาที่อาจจะเกิด หมวกสีดำชี้ให้เห็นชี้ให้เห็นสิ่งที่เราควรใส่ใจและไตร่ตรองเพราะมันเป็นจุดอ่อนหรือเป็นอันตราย เราอาจใช้หมวกสีดำเป็นส่วนหนึ่งของการประเมิน เราควรเดินหน้าไปกับข้อเสนอนี้ไหม หรืออาจใช้หมวกสีดำในขั้นตอนการระดมสมองและก่อร่างสร้างแนวคิดมีจุดอ่อนอะไรบ้างที่เราควรหาทางป้องกันและแก้ไข หมวกสีดำจะช่วยแจกแจงให้เราเห็นภาพความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดข้น หมวกสีดำจะมองหาความสอดคล้อง กับประสบการณ์ที่ผ่านมาหรือไม่ สอดคล้องกับนโยบายและวิธีการกับจริยธรรมค่านิยม ทรัพยากร และสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและประสบการณ์ของผู้อื่นหรือไม่
สรุปหมวกคิดสีเหลือง
การคิดแบบหมวกสีเหลืองเป็นการคิดในแง่ดีและในเชิงสร้างสรรค์ และเป็นการคิดประเมินค่าในทางบวก รวมไปถึงความฝันและวิสัยทัศน์ การคิดแบบหมวกเหลืองเป็นการสำรวจหาคุณค่าและประโยชน์แล้วจึงพยามยามจะหาเหตุผลสนับสนุนคุณค่าและผลประโยชน์นั้นๆ จากความคิดจากหมวกเหลือง เราจะได้ข้อเสนอและข้อแนะนำที่เป็นรูปธรรม การคิดแบบหมวกสีเหลืองเกี่ยวข้องกับการทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น อาจเป็นการคาดการณ์และการมองหาโอกาส  และจะก่อให้เกิดวิสัยทัศน์ จินตนาการและความฝัน
สรุปหมวกคิดสีเขียว
หมวกสีเขียวเป็นหมวกแห่งพลังงาน หมวกแห่งความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หมวกสีเขียวจะผลักดันความคิดใหม่ๆออกมาและยังคิดถึงทางเลือกใหม่หรือสิ่งใหม่ที่ทดแทนของเก่าได้ รวมถึงทางเลือกที่ชัดเจนและใหม่สดจริงๆ เมื่อเราสวมหมวกเขียวเราหาวิธีปรับเปลี่ยนและปรับปรุงความคิดใหม่ที่เสนอมา การค้นหาทางเลือกเป็นพื้นฐานของหมวกคิดสีเขียว เราจะต้องไปให้ไกลกว่าความคิดเห็นที่รู้กันแล้วหรือเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ความคิดอาจหยุดเพื่อคิดสร้างสรรค์เพื่อพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นๆอีกหรือไม่ โดยไม่ต้องมีเหตุผลว่าทำไมจึงต้องหยุด  เราใช้การเลื่อนไหวความคิดเข้ามาแทนที่การตัดสินพิจารณาความคิด การคิดเคลื่อนไหวไปข้างหน้า เพื่อไปให้ถึงความคิดใหม่ ความคิดเชิงยั่วยุใช้เพื่อกระตุกเราให้หลุดจากแบบแผนความคิดแบบเดิม หรือการคิดนอกกรอบ
สรุปหมวกคิดสีฟ้า
หมวกคิดสีฟ้าจะกำหนดประเด็นที่เราจะต้องคิด กำหนดความสนใจ อะไรคือปัญหาอะไรคือคำตอบ หมวกสีฟ้าจะกำหนดงานที่จะกำหนดงานคิดที่จะต้องทำ ตั้งแต้ต้นจนจบและมีหน้าที่สรุป วิเคราะห์สถานการณ์ และลงมติต่าง ๆ หมวกคิดสีฟ้าต้องติดตามตรวจสอบการคิดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกติกาการคิด หมวกคิดสีฟ้าจะหยุดยั้งการโต้แย้งถกเถียง และยืนกรานตามแผนที่ความคิด จะคอยดูให้กระบวนการคิดเป็นไปตามกฎเกณฑ์
โดยการจัดการเรียนการสอนแบบโครงงานนั้นเป็น
 การสอนแบบโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียน เรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามความสนใจของผู้เรียนอย่างลุ่มลึก โดยผ่านกระบวนการหลักคือ กระบวนการแก้ปัญหา ผู้เรียนจะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง  จึงเป็นการเรียนรู้จากการได้มีประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้การให้นักเรียนผู้ทำโครงงานได้เสนอผลงาน เป็นการเผยแพร่ผลงาน กิจกรรมนี้จะส่งเสริมให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออก เชื่อมั่นในผลงาน ตอบข้อซักถามของผู้สนใจได้  จากปีการศึกษา  ๒๕๔๘-๒๕๕๐  ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของสาธารณะชนว่า กิจกรรมการสอนแบบโครงงานเป็นที่น่าภาคภูมิใจโดยเฉพาะนักเรียนได้รับเกียรติบัตรรางวัลในระดับการประกวดโครงงานต่าง ๆ มากมาย เช่น
                                    -          โครงงานน้ำส้มควันไม้สมุนไพรกำจัดปลวก
                                    -          โครงงานผ้าสวยด้วยสมุนไพร
                                    -          โครงงานกังหัน พี วี ซี
                                    -          โครงงานหอยเชอรี่เพิ่มประสิทธิภาพไก่ไข่  ฯลฯ
ซึ่งโครงงานเหล่านี้นักเรียนได้รับเกียรติบัตรจากการประกวดในระดับเครือข่าย ระดับเขต  ระดับจังหวัด สร้างความภูมิใจให้นักเรียนและครูผู้เป็นที่ปรึกษา นับว่าเป็นกิจกรรมที่ประสบผลสำเร็จที่เกิดจากผลผลิตของการจัดกิจกรรมการเรียนแบบโครงงานทั้งสิ้น
สรุป
แล้วไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรียนแบบ หมวก ๖ ใบ หรือแบบโครงงานล้วนก็มีข้อแตกต่างกันอยู่บ้างแต่ก็มีความสำคัญทั้ง ๒ อย่าง โดยเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเราได้เมือเราออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น